กรณีศึกษา การล่มสลายของ เลห์แมน บราเธอร์ส

กรณีศึกษา: การล่มสลายของเลห์แมนบราเธอร์ส ที่ 15 กันยายน 2008 Lehman Brothers ฟ้องล้มละลาย ด้วย $ 639,000,000,000 ในสินทรัพย์และ $ 619,000,000,000 ในตราสารหนี้ยื่นล้มละลายของเลห์แมนที่ใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์เป็นสินทรัพย์ที่ไกลเกินกว่าบรรดายักษ์ใหญ่ล้มละลายก่อนหน้าเช่น Enron และ WorldCom เลห์แมนเป็นหนึ่งในสี่ที่ใหญ่ที่สุดของสหรัฐธนาคารเพื่อการลงทุนในช่วงเวลาของการล่มสลายของมันที่มีพนักงาน 25,000 คนทั่วโลก การตายของเลห์แมนก็ทำให้มันเป็นเหยื่อที่ใหญ่ที่สุดของซับไพรม์สหรัฐจำนอง - induced วิกฤตการณ์ทางการเงินที่กวาดผ่านตลาดการเงินทั่วโลกในปี 2008 การล่มสลายของเลห์แมนเป็นเหตุการณ์น้ำเชื้อที่มากรุนแรงวิกฤตปี 2008 และมีส่วนทำให้การพังทลายของใกล้กับ $ 10000000000000 ใน ตลาดทุนจากตลาดทุนทั่วโลกในเดือนตุลาคม 2008 ลดลงรายเดือนที่ใหญ่ที่สุดในการบันทึกในเวลา (สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับวิกฤตซับไพรม์อ่านจะไปโทษใครสำหรับซับไพรม์วิกฤติ?) ประวัติความเป็นมาของ Lehman Brothers ในขณะที่ บริษัท ประสบความสำเร็จในช่วงทศวรรษที่ผ่านมาต่อไปขณะที่เศรษฐกิจสหรัฐขยายตัวในโรงไฟฟ้​​าต่างประเทศ, เลห์แมนต้องต่อสู้กับความอุดมสมบูรณ์ของความท้าทายในช่วงหลายปี เลห์แมนรอดชีวิตพวกเขาทั้งหมด - ล้มละลายทางรถไฟของปี 1800 ภาวะเศรษฐกิจตกต่ำครั้งใหญ่ในช่วงทศวรรษที่ 1930 สงครามโลกครั้งที่สองปัญหาการขาดแคลนเงินทุนเมื่อมันถูกปั่นออกโดย บริษัท อเมริกันเอ็กซ์เพรสในปี 1994 และการล่มสลายบริหารเงินทุนระยะยาวและการผิดนัดชำระหนี้ของรัสเซีย 1998 . อย่างไรก็ตามแม้จะมีความสามารถในการที่จะอยู่รอดภัยพิบัติที่ผ่านมาการล่มสลายของตลาดที่อยู่อาศัยของสหรัฐในที่สุดนำบราเดอร์เลห์แมนไปที่หัวเข่าของตนเช่นการวิ่งหัวทิ่มเข้าไปในตลาดจำนองซับไพรม์พิสูจน์แล้วว่าเป็นขั้นตอนที่หายนะ (หากต้องการเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับภัยพิบัติทางการเงินก่อนหน้านี้ให้แน่ใจว่าได้ตรวจสอบการเกิดปัญหาของเราคุณสมบัติพิเศษ.) เลห์แมนมหึมาผิด ในเดือนกุมภาพันธ์ปี 2007 หุ้นถึงบันทึก $ 86.18 ให้เลห์แมนมูลค่าตลาดใกล้กับ $ 60000000000 อย่างไรก็ตามในช่วงไตรมาสแรกของปี 2007 รอยแตกในตลาดที่อยู่อาศัยของสหรัฐได้แล้วกลายเป็นที่เห็นได้ชัดเป็นค่าเริ่มต้นในการจำนองซับไพรม์เพิ่มขึ้นถึงเจ็ดปีสูง เมื่อวันที่ 14 มีนาคม 2007 ซึ่งเป็นวันหลังจากที่หุ้นที่มีการลดลงที่ใหญ่ที่สุดวันหนึ่งในห้าปีที่ผ่านมาความกังวลว่าค่าเริ่มต้นที่เพิ่มขึ้นส่งผลกระทบต่อการทำกำไรจะเลห์แมนซึ่งเป็น บริษัท ที่มีการรายงานบันทึกรายได้และกำไรในไตรมาสแรกของปีงบประมาณ ผลประกอบการในการโพสต์การประชุมสาย ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงินของเลห์แมน (CFO) กล่าวว่าความเสี่ยงที่เกิดจากการเพิ่มขึ้นของลูกหนี้ที่ผิดนัดชำระที่บ้านถูกบรรจุอย่างดีและจะมีผลกระทบต่อผลประกอบการของ บริษัท เขายังกล่าวว่าเขาไม่ได้คาดหวังปัญหาในตลาดซับไพรม์แพร​​่กระจายไปยังส่วนอื่น ๆ ของตลาดที่อยู่อาศัยหรือทำร้ายเศรษฐกิจสหรัฐฯ จุดเริ่มต้นของจุดจบ ในฐานะที่เป็นวิกฤตสินเชื่อปะทุขึ้นในสิงหาคม 2007 กับความล้มเหลวของทั้งสอง Bear Stearns กองทุนป้องกันความเสี่ยงที่หุ้นของเลห์แมนลดลงอย่างรวดเร็ว ในช่วงเดือนที่ บริษัท กำจัด 2500 งานที่เกี่ยวข้องกับการจำนองและปิดหน่วย BNC ของ นอกจากนี้ก็ยังปิดสำนักงานของ Alt-A ผู้ให้กู้ออโรราในสามรัฐ แม้ในขณะที่การแก้ไขในตลาดที่อยู่อาศัยสหรัฐได้รับแรงผลักดันที่เลห์แมนยังคงเป็นผู้เล่นหลักในตลาดจำนอง ในปี 2007 เลห์แมน underwrote หลักทรัพย์มากขึ้นจำนองกว่า บริษัท อื่น ๆ ที่สะสมผลงาน $ 85 พันล้านดอลลาร์หรือสี่ครั้งส่วนของผู้ถือหุ้น ในไตรมาสที่สี่ของปี 2007 หุ้นของเลห์แมนดีดตัวขึ้นในขณะที่ตลาดทุนทั่วโลกถึงจุดสูงสุดใหม่และราคาสำหรับสินทรัพย์ถาวรที่มีรายได้จัดฉากการฟื้นตัวชั่วคราว อย่างไรก็ตาม บริษัท ไม่ได้ใช้โอกาสในการตัดแต่งผลงานการจำนองของขนาดใหญ่ซึ่งในการหวนกลับจะกลายเป็นโอกาสสุดท้ายของ (อ่านเพิ่มเติมในการตัดกองทุน Hedge Bear Stearns ยุบ.) พุ่งต่อความล้มเหลว ระดับสูงของเลห์แมนของการงัด - อั​​ตราส่วนของสินทรัพย์รวมของผู้ถือหุ้นผู้ถือหุ้น - 31 ในปี 2007 และผลงานขนาดใหญ่ของหลักทรัพย์ค้ำประกันทำให้มันมากขึ้นความเสี่ยงที่จะทวีความรุนแรงขึ้นสภาวะตลาด เมื่อวันที่ 17 มีนาคม 2008 ต่อไปนี้ที่อยู่ใกล้ล่มสลายของ Bear Stearns - ผู้จัดการการจัดจำหน่ายใหญ่เป็นอันดับสองของหลักทรัพย์จำนอง - หุ้นเลห์แมนลดลงมากที่สุดเท่าที่ 48% จากความกังวลว่ามันจะเป็น บริษัท Wall Street ต่อไปที่จะล้มเหลว ความเชื่อมั่นใน บริษัท กลับมาบางส่วนในเดือนเมษายนหลังจากที่มันยก $ 4000000000 โดยการออกหุ้นบุริมสิทธิ์แปลงสภาพที่ได้รับเป็นหุ้นเลห์แมนที่พรีเมี่ยม 32% จากราคา ณ เวลาที่ แต่หุ้นกลับลดลงในฐานะผู้จัดการกองทุนป้องกันความเสี่ยงเริ่มตั้งคำถามการประเมินมูลค่าของผลงานการจำนองของเลห์แมน เมื่อวันที่ 9 มิถุนายนของเลห์แมนประกาศการสูญเสียในไตรมาสที่สองของ $ 2800000000, การสูญเสียครั้งแรกนับตั้งแต่ถูกปั่นออกโดย บริษัท อเมริกันเอ็กซ์เพรสและรายงานว่ามันได้ยก $ 6000000000 จากนักลงทุนอีก บริษัท ยังกล่าวว่าได้แรงหนุนจากสระว่ายน้ำมีสภาพคล่องในการประมาณ $ 45000000000 ลดลงสินทรัพย์ขั้นต้นจาก $ 147,000,000,000 ลดความเสี่ยงของการจำนองที่อยู่อาศัยและเชิงพาณิชย์ 20% และลดการใช้ประโยชน์จากปัจจัยจาก 32 ไปประมาณ 25 (ที่ อ่านความล้มเหลวของกองทุน Hedge สว่าง Leverage ผิดพลาดที่จะเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับดาบสองคมของการงัด.) น้อยเกินไปสายเกินไป ข่าวเป็น Deathblow เลห์แมนที่จะนำไปสู่​​การกระโดด 45% ในสต็อกและเข็ม 66% ในสัญญาแลกเปลี่ยนเครดิตเริ่มต้นในการชำระหนี้ของ บริษัท ฯ ลูกค้ากองทุนป้องกันความเสี่ยงของ บริษัท ฯ เริ่มดึงออกในขณะที่เจ้าหนี้ระยะสั้นตัดวงเงินสินเชื่อ เมื่อวันที่ 10 กันยายนของเลห์แมนก่อนประกาศผลกลุ้มใจสามไตรมาสที่เน้นย้ำความเปราะบางของฐานะทางการเงินของ บริษัท บริษัท รายงานการสูญเสียของ $ 3900000000 รวมทั้งเขียนลงของ $ 5600000000 และยังได้ประกาศการปรับโครงสร้างยุทธศาสตร์ทิวทัศน์ของธุรกิจ ในวันเดียวกันมูดี้ส์บริการนักลงทุนประกาศว่าจะได้รับการตรวจสอบของเลห์แมนจัดอันดับเครดิตและยังกล่าวว่าเลห์แมนจะต้องขายหุ้นข้างมากเป็นพันธมิตรเชิงกลยุทธ์ในการสั่งซื้อเพื่อหลีกเลี่ยงการปรับลดการจัดอันดับ การพัฒนาเหล่านี้นำไปสู่​​การกระโดด 42% ในสต็อกที่ 11 กันยายน มีเพียง $ 1000000000 เงินสดที่เหลืออยู่ในช่วงปลายสัปดาห์ที่เลห์แมนได้อย่างรวดเร็วหมดเวลา ความพยายามครั้งสุดท้ายในช่วงสุดสัปดาห์วันที่ 13 กันยายนระหว่างเลห์แมนบาร์เคลย์ จำกัด และธนาคารแห่งอเมริกามุ่งเป้าไปที่การอำนวยความสะดวกการปฏิวัติของเลห์แมนที่ไม่ประสบความสำเร็จ ในวันจันทร์ที่ 15 กันยายน Lehman ประกาศล้มละลายส่งผลให้หุ้นดิ่ง ​​93% จากระดับปิดก่อนหน้านี้วันที่ 12 กันยายน สรุป การล่มสลายของเลห์แมน roiled ตลาดการเงินทั่วโลกสำหรับสัปดาห์ที่ผ่านมาได้รับขนาดของ บริษัท และสถานะของการเป็นผู้เล่นหลักในสหรัฐอเมริกาและต่างประเทศ หลายคนถามว่าการตัดสินใจของรัฐบาลสหรัฐที่จะปล่อยให้เลห์แมนล้มเหลวเมื่อเทียบกับการสนับสนุนโดยปริยายสำหรับ Bear Stearns (ซึ่งถูกซื้อกิจการโดย JPMorgan Chase) มีนาคม 2008 การล้มละลายของเลห์แมนนำไปสู่​​การมากกว่า $ 46000000000 ของมูลค่าตลาดที่ถูกเช็ดออก การล่มสลายของมันยังทำหน้าที่เป็นตัวเร่งปฏิกิริยาสำหรับการซื้อของ Merrill Lynch โดยธนาคารแห่งอเมริกาในการจัดการเหตุฉุกเฉินที่ได้รับการประกาศในวันที่ 15 กันยายน (หากต้องการเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับวิกฤตการเงิน, อ่าน 2007-08 วิกฤตการณ์ทางการเงินในการตรวจสอบ.)